สถานที่ลึกลับรอบโลก มนุษย์ต่างดาวเคยมาเยือน

สถานที่ลึกลับรอบโลก คุณเคยสงสัยเกี่ยวกับโบราณสถานหรืออารยธรรมโบราณหรือไม่? ที่ไหนสักแห่งในโลก มีมานานหลายพันปีแล้ว แต่ทำไมสถาปัตยกรรมจึงดูยิ่งใหญ่ขนาดนี้? และมีโครงสร้างที่ซับซ้อนมากจนแทบไม่น่าเชื่อว่าเป็นผลงานของคนในสมัยโบราณ แม้ว่าจะมีทฤษฎีที่เชื่อถือได้มากมาย แต่สุดท้ายก็ดูเหลือเชื่อ หลายฝ่ายจึงตั้งคำถามว่า หากไม่ใช่งานของมนุษย์ อาจเป็นเรื่องของสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาเหนือกว่าเราจากดาวดวงอื่นที่เราเรียกว่ามนุษย์ต่างดาว

ทฤษฎีเรื่องสิ่งมีชีวิตจากต่างพิภพนั้น เป็นหนึ่งในความเชื่อที่มีมาอย่างยาวนาน บางส่วนก็ว่าเป็นเรื่องไร้สาระ แต่จากหลักฐานที่นักโบราณคดีได้ค้นพบในสถานที่ต่างๆ ก็พอจะทำให้เชื่อได้ว่าเราอาจไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวในจักรวาลนี้ ต่อไปนี้คือสถานที่ท่องเที่ยวจากรอบโลก ที่มีความเชื่อ และหลักฐานว่ามนุษย์ต่างดาวอาจเคยมาเยือนโลกของเรา ดังต่อไปนี้ครับ

 

สถานที่ลึกลับรอบโลก Crop Circles วงกลมประหลาดกลางทุ่ง

 

สถานที่ลึกลับรอบโลก Crop Circles ถูกค้นพบครั้งแรกในอังกฤษในปี 1678 วงกลมประหลาดที่เกิดจากพืชล้มลงโดยไม่ทำให้ก้านหัก แต่จะโค้งงอลงจากพื้นประมาณหนึ่งนิ้ว แผ่กระจายไปทั่วดินแดนอันกว้างใหญ่ทั่วสนาม เมื่อมองจากด้านบนจะมีลักษณะเป็นรูปทรงเรขาคณิตที่ซับซ้อน จนถึงปัจจุบัน มีรายงานการพบเห็น Crop Circles มากกว่า 10,000 ครั้ง ส่วนใหญ่อยู่ทางใต้ และ 90 เปอร์เซ็นต์ภายในรัศมี 50 ไมล์จากสโตนเฮนจ์ Crop Circles ในยุคแรกๆ มักเป็นวงกลมหรือมีวงแหวน แต่ในยุคหลังปี 1990 ขนาดและรูปร่างของมันมีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ

ในช่วงแรกมีรายงานจากแหล่งข่าวต่างๆ ในอังกฤษกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า Crop Circles เกิดขึ้นจากฝีมือของคนกลุ่มหนึ่ง แต่ในท้ายที่สุดเรื่องราวก็ถูกเปิดเผยว่า เรื่องนี้เป็นเพียงความพยายามที่จะปิดข่าวลือเรื่องมนุษย์ต่างดาวของกระทรวงความมั่นคงประเทศอังกฤษเอง กระทั่งปี 2000 มีกลุ่มที่เรียกตนเองว่า Circlemakers ออกมาเปิดเผยตนเองว่าเป็นผู้สร้าง Crop Circles ที่วิจิตรพิสดารหลายสิบแห่งทางภาคใต้ของอังกฤษมากว่า 11 ปี ปัจจุบันจึงมีผลการศึกษาว่า ร้อยละ 80 ของ Crop Circles เป็นฝีมือของมนุษย์เอง ส่วนที่เหลือนั้นยังเป็นปริศนา ทฤษฎีหลายทฤษฎีถูกตั้งขึ้นมาเพื่อตอบคำถามนี้ มันอาจเป็นข้อความ หรือภาษาที่ใช้สื่อสารกันระหว่างมนุษย์ต่างดาว หรืออาจเป็นแค่วงกลมที่สร้างขึ้นมาเพื่อเรียกร้องความสนใจก็เป็นได้

 

Ancient Cave ภาพวาดโบราณในถ้ำหิน

 

Ancient Cave ศิลปะโบราณอายุราวหลายพันปี ที่ชวนให้เชื่อว่ามนุษย์สมัยก่อนเคยติดต่อกับเทพเจ้า หรือผู้ที่มาจากฟากฟ้า สิ่งที่น่าแปลกคือภาพเขียนเหล่านี้มีปรากฏอยู่ทั่วโลก ยกตัวอย่างเช่น

 

The Bermuda Triangle สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา น่านน้ำอาถรรพ์

 

The Bermuda Triangle อาณาเขตลึกลับที่ปัจจุบันยังไม่สามารถหาคำตอบได้ว่า เหตุใดทุกสิ่งที่ผ่านไปบริเวณนั้นจึงได้หายสาบสูญไป เสมือนไม่ได้มีตัวตนอยู่บนโลกนี้ นักวิทยาศาสตร์ นักสมุทรวิทยา และผู้เชี่ยวชาญต่าง ๆ ต่างก็พยายามหาคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น หนึ่งในทฤษฎีที่ใช้อธิบายก็คือ เป็นไปได้ว่าอาจมีมนุษย์ต่างดาวหรือมนุษย์ที่อาศัยอยู่ใต้มหาสมุทรบริเวณนั้นต้องการขโมยเรือหรือเครื่องบิน และสิ่งมีชีวิตลงไปใต้มหาสมุทรเพื่อศึกษาหรือทดลองบางอย่าง ข้อสันนิษฐานนี้ก็สอดคล้องกับรายงานที่ว่า มีผู้พบเห็นจานบินลึกลับร่อนไปร่อนมาเหนือสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าอยู่หลายครั้ง

 

Easter Island ยักษ์ใหญ่แห่งเกาะอีสเตอร์

 

Easter Island เกาะปริศนาโดดเดี่ยวกลางมหาสมุทร แต่กลับมีรูปสลักหินลึกลับขนาดมหึมากว่า 800 รูป เรียงรายอยู่เต็มเกาะที่ไม่มีคนอยู่อาศัย มีผู้อธิบายว่าเป็ฝีมือของชาวพื้นเมือง โพลีนีเซียน ที่เข้ามาตั้งรกรากในปี ค.ศ. 400 แต่ด้วยวิวัฒนาการในอดีตนั้นแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะลากหินหนัก 75 ตัน มาตั้งตามชายฝั่งได้

 

Sacsayhuaman กำแพงหิน ป้อมปราการยักษ์

 

เมื่อนึกถึงโบราณสถานในเปรู ส่วนใหญ่คงนึกถึงนครสาบสูญ Macchu Picchu แต่ยังมีอีกสถานที่ที่สร้างความฉงนได้มากกว่ามหานครบนภูเขา นั่นคือ Sacsayhuaman (แซคไซวามาน) กำแพงหินประหลาดที่ขนาดใหญ่โตมโหฬาร แต่ละก้อนสูงกว่า 6 เมตร ยาวสุด 400 เมตร คาดว่าสร้างในช่วงปีค.ศ. 900-1200 ความพิเศษของมันก็คือ หินแต่ละก้อนมีรอยตัดที่ปราณีตราวกับตัดด้วยเครื่องมือทันสมัย นักวิจัยส่วนมากเชื่อว่ามันถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นป้อมปราการ แต่คำถามก็คือ วิธีการสร้าง และการขนย้ายหินปูนหนักราว 200 ตัน มายังหุบเขานั้น คนโบราณเขาทำได้อย่างไร?

 

Stonehenge กลุ่มหินปริศนาแห่งอังกฤษ

 

สโตนเฮนจ์ ตั้งอยู่กลาง ‘ทุ่งราบซัลลิสเบอร์รี่’ มีจำนวนแท่งหินทั้งหมด 112 ก้อน ตั้งเรียงเป็นวงกลมซ้อนกัน 3 วง และวางเรียงในลักษณะที่ต่างกัน ทั้งวางนอน วางพาดกัน และวางตั้งขึ้น นักวิทยาศาสตร์ได้คำนวณอายุของหินกลุ่มนี้ พบว่าน่าจะถูกสร้างขึ้นมาเมื่อประมาณ 3,000–2,000 ปีก่อนคริสตกาล

เรื่องน่าสนใจคือ หินแต่ละก้อนแต่ละชั้นนั้นมีอายุไม่เท่ากัน และถูกนำมาจากต่างสถานที่ ต่างยุคกัน บริเวณที่ราบดังกล่าวไม่มีก้อนหินขนาดมหึมานี้อยู่เลย ที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดคือมาจาก ‘ทุ่งมาร์ลโบโร’ ที่อยู่ไกลออกไปประมาณ 40 กิโลเมตร คำถามคือ สมัยนั้นไม่น่ามีเครื่องทุ่นแรงอย่างที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบัน รวมถึงนำหินมาขัด แต่งให้มีความเหลี่ยม ความมน มีสลัก และเดือยซึ่งจะทำให้หินพาดกันได้อย่างพอดี ว่ากันว่าเป็นฝีมือของมนุษย์ต่างดาวที่มาเยือนโลก โดยใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยในการสร้าง บ้างก็ว่าเป็นผลงานศิลปะของยักษ์ในยุคก่อน

 

Nazca Lines ลายเส้นขนาดยักษ์ สร้างขึ้นเพื่อให้มองลงมาจากฟ้า

 

สถานที่ลึกลับรอบโลก ลายเส้นลึกลับกลางทะเลทรายนาซคา ประเทศเปรู ลักษณะมีการขีดเน้นอย่างจงใจและประณีต ขนาดใหญ่โตถึง 200เมตร และรูปทั้งหมดครอบคลุมเนื้อที่กว่า 500 ตารางกิโลเมตร ท้าทายแดด ลม ฝน เป็นเวลากว่าสองพันปี มีตั้งแต่ภาพวาดง่ายๆ อย่างรูปทรงเรขาคณิตทั่วไป จนถึงภาพสัตว์ประเภทต่างๆ ทั้งนก ปลาวาฬ ลิง แมงมุม นกฮัมมิ่งเบิร์ด (ซึ่งที่เปรูไม่มีนกชนิดนี้) คาดอายุประมาณ 100 ปีก่อนคริสตกาล

แม้จะเป็นลายเส้นง่ายๆ แต่ต้องใช้เวลา และการวางแผนอย่างมาก เพราะจะต้องมองให้เห็นชัดเจนจากท้องฟ้า มองจากพื้นดินจะเห็นเป็นเพียงคลองหรือถนนเท่านั้น บางเส้นลากยาวไปไกลพาดข้ามภูเขา ปัจจุบันยังคงเป็นปริศนาว่า เหตุใดชาวนาซคาจึงต้องทุ่มเทวาดภาพสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาทั้งๆ ที่ตัวเองไม่อาจมองเห็นได้

 

บทความแนะนำ